ไฟรักปมแค้น 6

เหยื่อในเหตุการณ์


บทที่ 6 : ครอบครัว


            “ คุณแทคยอนครับ” นิชคุณใช้ปลายดินสอสะกิดมือหนาของคนอายุมากกว่าเบาๆ

            “ฮึ” เจ้าของบ้านละสายตาจากหน้าจอแมคบุ๊คเพื่อหันมองเด็กหนุ่มผิวขาวที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันมาก

            “เพื่อนคุณแทคยอนน่ะครับ” นิชคุณชำเลองมองชางมินเป็นเชิงบอกแทคยอนไปในตัว

            “ทำไมเหรอ” แทคยอนเลิกคิ้วมองชางมินและหันกลับมาสบตานิชคุณ

            “เค้าไม่พอใจอะไรผมรึเปล่า” นิชคุณเขียนตัวสือลงในกระดาษ เค้าส่งมันให้แทคยอนอ่านแทนคำพูด

            “เปล่าหรอก...หน้าหมอนั่นก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว” คนอายุมากกว่าตอบพลางยิ้มหวานใส่เด็กข้างๆ เค้าเก็บเศษกระดาษที่นิชคุณส่งมาให้ใส่ลงกระเป๋าตัวเอง

            “คุณแทคยอนดูเหมือนอายุน้อยกว่าเพื่อนคุณเลยนะครับ...คุณเคยเห็นเค้าตั้งแต่เค้าเกิดเลยเหรอ” นิชคุณถามคำถามแบบเด็กน้อยใสซื่อ

            “55555” เจ้าของบ้านผิวเข้มหัวเราะเสียงใหญ่

            “มีอะไรน่าหัวเราะกันรึครับ” นิชคุณทำหน้าตาตื่น

            “เธอนี่น่ารักจริงๆนะ...นอกจากหน้าตาน่ารักแล้ว..” คนตัวโตพูดจบก็ยกมือหนาของตนขึ้นขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนของเด็กตัวเล็กเบาๆ

            “อ๊า!!...ผมไม่ชอบเลย..” นิชคุณโคลงหัวตัวเองออกจากมือหนา

            “ขอโทษทีไม่ชอบให้ใครจับหัวใช่ไหม” แทคยอนชักมือกลับอย่างรวดเร็ว

            “เปล่าครับ...ผมไม่ชอบให้คนพูดว่าหน้าตาผมสวยหรือน่ารักเลย” เด็กผิวขาวทำเสียงขึ้นจมูกพลางปาดินสอในลงกล่องดินสอตรงหน้าตัวเอง

            “ทำไมล่ะ...การมีคนชม..ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ควรจะดีใจนะ...เพราะมันดีกว่าการถูกตำหนิ” แทคยอนตอบพลางขมวดคิ้วเหม่อมองออกไปที่หน้าประตูบ้าน

            “ผมควรดีใจกับการที่คนอื่นชื่นชมปมด้อยของตัวเองด้วยรึครับ” นิชคุณเอียงคอถามแทคยอน

            “นายอาจคิดว่านั่นเป็นข้อเสียของนาย...แต่ในมุมมองคนอื่นเค้าเห็นมันเป็นข้อดี คำชมก็คือคำชม มันไม่ใช่คำประชด ถ้านายมองสถานการณ์ออก” แทคยอนให้ข้อคิด

            “งั้นรึครับ..คุณนี่เก่งจังนะครับ” นิชคุณเบะหน้าใส่แทคยอน

            “ประชดเหรอ” คนอายุมากกว่าสบตาคนอายุน้อย เค้าจ้องลึกเข้าไปดวงตาสีดำขลับ เค้าคิดว่าเด็กคนนี้หน้าคุ้นๆ แววตาแบบนี้เค้าเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่

            “นี่ใช่ไหมครับที่คุณบอกว่าสถานการณ์...ครับผมประชด” เด็กน้อยผิวขาวฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวๆซี่เล็กๆที่เหมือนเม็ดข้าวโพดเรียงตัวกัน

            “จะว่าอะไรไหม..ถ้าพี่ขอทำงานก่อน” แทคยอนพูดพลางยิ้มหวานจนตีนกาโชว์หรา

            “พี่...” นิชคุณทวนคำพูดแทคยอน

            “ไม่ได้เหรอ” แทคยอนตอบพลางทำงานงานตรงหน้าไปด้วย เค้ายิ้มหวานแต่ไม่ได้หันมองนิชคุณ

            “ครับได้ครับ” นิชคุณยิ้มรับ

หลังจากกุ๋ยออกจากบ้านไปในตอนเช้า ชางมินก็ตื่นมารับกะเช้าต่อจากแฟนสาวรุ่นน้อง ช่วงนี้ชางมินว่างงานเพราะเค้าพักงานสอนเพื่อมาดูแลแทคยอนเต็มเวลา แต่บางเวลาชางมินก็ต้องแวปไปดูลูกศิษย์ที่มหาลัยด้วยเช่นกัน กุ๋ยเรียนจบและบรรจุหมอทำให้เธอไม่มีเวลามาวนเวียนข้างตัวแทคยอนเหมือนแต่ก่อนแล้ว คนไข้ของเธออัปเปหิตัวเองออกมาจากโรงพยาบาล

            “แทค...ถึงเวลาแล้ว” ชางมินพาร่างตัวเองมายืนข้างเพื่อนผิวเข้มที่นั่งทำงานอยู่หน้าบ้านเพื่อรับอากาศของเย็นๆนอกบ้าน

            “อืม..” คนตัวโตเงยหน้ามองเพื่อนของตนก่อนจะลุกตามชางมินเข้าไปในบ้าน

            นิชคุณละงานตัวเอง เค้าหันมองเจ้าของบ้านเดินหายลับเข้าไปในตัวบ้านพร้อมเพื่อนหน้าโหดที่เอาแต่ทำหน้าเป็นตูดตั้งแต่เช้า เด็กน้อยผิวขาวได้แต่สงสัยกับคำพูดของชางมิน ถึงเวลาแล้วหมายถึงอะไร

            เวลาผ่านไปแค่เพียง5นาที อีชางมินก็เดินหน้านิ่วออกมาจากตัวบ้าน พร้อมถุงขยะสีดำใบขนาดย่อม

            “โทษทีนะครับ..ถ้าเธอจะรอแทคคงจะนานหน่อย...จะนั่งเล่นที่นี่ไปก่อนก็ได้...หรือจะกลับบ้านไปก่อนก็ได้...ถ้าเสร็จธุระแล้ว..พี่จะไปเรียก” อีชางมินพูดเสียงเย็น ถ้อยคำเชิงไล่ของชางมินทำให้นิชคุณรู้สึกแปลกใจ

            “เอ่อ...งั้นผมกลับไปทำงานที่บ้านต่อก็ได้ครับ” เด็กน้อยพูดจบก็รีบรวบรวมปากกาดินสอใส่กระเป๋าและรีบพาตัวเองกลับไปบ้าน

             เด็กน้อยผิวขาวกลับไปบ้านตัวเองเรียบร้อย ชางมินไล่เซฟงานให้แทคยอน จากนั้นเค้าก็เก็บคอมผิวเตอร์ของเพื่อนเข้าบ้านไปด้วย นิชคุณยืนมองจากข้างรั้วบ้าน เค้ารู้สึกแปลกๆตลอดเวลาที่เค้าอยู่ในบ้านหลังนั้น ทุกคนในบ้านทำตัวประหลาดราวกับมีเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้

            “เด็กคนนั้นกลับไปแล้ว...” ชางมินบอกข่าวกับคนที่นอนบนเตียง

            “......” แทคยอนหันมองชางมิน

            “อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นแทค...ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆคนป่วยแบบนาย...มันเกะกะ” ชางมินตอบกลับ

            “อืม” เพื่อนตัวโตเออออพลางหลับตาลง เค้าคงต้องหลับขณะรอให้น้ำเกลือหมดขวดและยาออกฤทธิ์

            เมื่อนิชคุณกลับเข้ามาในบ้านเค้าพบคุณอาพ่อของคิมจุนซูและตัวลูกชายคิมจุนซูนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศในตัวบ้านน่ากลัวมาก

            “มานี่คุณ” เสียงชายแก่เย็นเฉียบ

            “เอ่อครับ” เด็กน้อยผิวขาวเด็กตัวลีบเข้ามาในบ้าน เค้าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

            “พ่อจะไม่พูดซ้ำคิม...คุณด้วย อาจะไม่พูดซ้ำอีก...อย่าไปยุ่งกับคนข้างบ้านที่ย้ายมาใหม่...และคิม...พ่อเสียใจที่ลูกขายบ้านโดยไม่บอกพ่อ” คิมจินยองออกคำสั่งกับลูกชายและหลานชายไปพร้อมกัน

            “พ่อไม่มีเหตุผลเลย...บ้านนี้มันบ้านผม...ผมจะขายให้ใครก็ได้..และเหตุผลของพ่อก็ฟังไม่ขึ้น...ทำไมพ่อต้องห้ามผมไปยุ่งกับเค้ากันล่ะ” จุนซูแย้งกลับอย่างไม่ยอมความ

            “นั่นสิครับ..ทำไมคุณอาถึงต้องห้ามด้วยล่ะครับ..ถ้าคุณอาจะห้ามคุณอาน่าจะบอกเหตุผลให้ผมรู้นะครับ” นิชคุณย่นคิ้วถามคุณอาของเค้าเช่นกัน

            “เด็กอย่างพวกเธอไม่ต้องรู้หรอก” คิมจินยองให้คำตอบหนักแน่น

            “พ่อเป็นอะไรครับ..ทำไมถึงทำอะไรไม่มีเหตุผลเลย” คิมจุนซูแฮวขึ้นมา

            “.....”นิชคุณเงียบเสียงลง เค้าคิดว่าแค่ญาติผู้พี่อยู่ฝ่ายเดียวกับเค้า เค้าก็จะได้คำตอบโดยไม่ต้องเสียแรงพูดเพิ่มอีกคน

            “ห้ามแก2คนไปยุ่งกับเค้า..ไม่งั้นพ่อจะส่งแกไปดูงานที่สาขาย่อยแล้วไม่ต้องคิดว่าพ่อจะยอมให้เลขาหน้าบวมของแกติดสอยห้อยตามไปด้วยนะ...เธอด้วยคุณถ้าเราไม่ฟังคำพูดอา..อาจะส่งเธอกลับบ้าน” ชายแก่สูงอายุพูดพลางทำหน้าตาดุดัน เค้าพูดจบก็เดินออกจากบ้านไปทันที

            “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” คิมจุนซูกระฟัดกระเฟียดหลังจากพ่อของเค้ายื่นคำขาด
นิชคุณนั่งนิ่งราวรูปสลักน้ำแข็งเค้างงกับสิ่งที่อาเค้าทำ ทำไมถึงห้ามเค้าไปยุ่งกับเพื่อนบ้าน

อีชางมินออกไปเก็บดอกไม้หน้าบ้านเพื่อมาปักแจกันให้แฟนสาว เค้าเหลือบมองไปที่ชายแก่ที่เดินออกจากบ้านเพื่อนบ้านตัวน้อย ใบหน้าของชายแก่ที่เค้าจำได้ดี ผู้ชายคนนี้คือคนที่เค้าเห็นที่โรงพยาบาลหลังที่แทคยอนโดนส่งตัวเข้ามาในโรงพยาบาล อีชางมินขยับตัวหลบหลังกำแพงบ้าน อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้มาทำอะไรที่บ้านหลังนี้

อีชางมินเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ มีเพียงเค้าและอีจุนโฮอีกคนที่รู้จักคิมจินยอง นอกนั้นไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดในอดีต แม้แต่แทคยอนเองก็ไม่เคยรู้เรื่องที่เกิดขึ้น

ตกบ่ายแทคยอนก็ตื่นขึ้นมาเพราะชางมินไปปลุกมาทานข้าว เจ้าคนตัวโตทานข้าวได้นิดหน่อย จากนั้นก็นอนเป็นผักต่อไปหลังจากรับยาหลังอาหารเข้าไป

นิชคุณและจุนซูเดินวนไปวนมาในบ้าน พวกเค้าต่างกลุ่มใจทั้งคู่ ไม่มีคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
ชางมินตัดสินใจจะไปถามนิชคุณเรื่องของจินยอง เค้าคาใจและอยากเตรียมรับมือกับปัญหา เพื่อนบ้านหน้าบูดเดินมากดออดหน้าบ้านเด็กหน้าสวย

            “คุณหนูคะ...คุณผู้ชายข้างบ้านอยากพบค่ะ” คนใช้วิ่งมาแจ้งข่าวกับนิชคุณ คนผิวขาวหันมองหน้าพี่ชายไม่แท้อย่างสับสน เค้าจจะทำยังไงดี

            “เอ่อ...บอกเค้า.. เอ้ย...บอกไปว่าฉันไม่ว่างตอนนี้” นิชคุณอึกอัก เค้ากลัวจะถูกส่งกลับบ้าน
            สาวใช้วิ่งออกไปบอกชางมิน และวิ่งกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกระดาษในมือ

            “คุณผู้ชายบ้านโน่นให้นี่มาค่ะ..เค้าบอกว่าเรื่องสำคัญกรุณาโทรกลับด้วย” สาวใช้ยื่นเสร็จกระดาษส่งให้หลานชายเจ้านาย

            “อ่อ..ครับ..ขอบคุณนะครับ” นิชคุณดูเลขในกระดาษ เค้าเหลือบมองหน้าพี่ชายแวปนึงก่อนจะหยิบมือถอขึ้นมากดเบอร์ของชางมิน

            “ครับ..นิชคุณครับ” นิชคุณโทรหาอีชางมินทันที คนปลายสายเขียนชื่อตัวเองกำกับลงมาในกระดาษ เด็กผิวขาวรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เค้าไม่ได้เบอร์แทคยอนมา

            “ครับ..ชางมินนะครับ..ผมขอถามอะไรคุณอย่างนึงได้ไหมครับ” ชางมินถามน้ำเสียงเนิบนาบแต่เย็นชา

            “อ่อครับ..ได้ครับ” นิชคุณรู้สึกตุ้บต่อมๆในใจ

            “ผู้ชายสูงอายุที่แต่งตัวดีๆที่เพิ่งออกจากบ้านคุณไปเมื่อตอนเที่ยง..เค้าเป็นใครครับ”ชางมินยิงคำถามตรงๆ

            “เอ่ะ...อ้อ...เค้าเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ครับและเป็นอาของผม” นิชคุณตอบ พลางรู้สึกประหลาดใจกับคำถามของอีชางมิน เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องที่อาเค้าสั่งห้ามเค้าไปยุ่งกับคุณแทคยอนรึเปล่านิชคุณคิดในใจ

            “อาของเธอเหรอ...บ้าชิบ..อะไรโลกมันจะกลมแบบนี้วะ..แม่งเอ๊ย” ชางมันสบถยาว

สถบจบชางมินก็กดวางสายทิ้งทันที นิชคุณได้แต่ย่นคิ้วมองมือถือตัวเอง คิมมินจุนเลิกคิ้วมองน้องชายอย่างต้องการคำตอบ

            เมื่อหมอสาวกลับมาบ้านเธอรู้สึกแปลกใจที่วันนี้บ้านเงียบผิดปกติ  เด็กน้อยผิวขาวไม่เข้ามาร่วมทานข้าวมื้อดึกกับพวกเธอ แทคยอนนั่งอยู่หน้าจอคอมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนแฟนหนุ่มของเธอนั่งก้มหน้าพิมพ์โทรศัพท์หยิกๆ

            “วันนี้คุณนี่ไม่มาบ้านเหรอ” กุ๋ยๆทักบรรดาหนุ่มใหญ่ที่นั่งในบ้านทันที

            “มาเมื่อเช้า” แทคยอนตอบ

            “แล้วเย็นนี้ไม่มาเหรอ” กุ๋ยๆถามซ้ำ

            “ไม่นี่” แทคยอนตอบอีก

            “หว๋า...อุตส่าห์ซื้อขนมมาเผื่อ..งั้นเดี๋ยวกุ๋ยมานะ” หยิงสาวรีบใส่รองเท้าตัวเองอีกครั้ง

            “จะไปไหน” อีชางมินทักเสียงแข็ง

            “จะเอาขนมไปให้น้องเค้า” กุ๋ยมองหน้าแฟนหนุ่มงงๆ

            “ไม่ต้องไปเลย..ทั้งเธอทั้งแทค..ห้ามใครไปยุ่งกับคนบ้านนั้นอีก” ชางมินยื่นคำขาด แทคยอนและกุ๋ยหันมองหน้าชางมินอย่างไม่เข้าใจ

            “ทำไมล่ะ” กุ๋ยถามขึ้นก่อน

            “ฉันทำเพื่อนายนะแทค..เธอด้วยกุ๋ย..ถ้าไม่อยากให้เรื่องมันแย่..เธอก็ควรจะฟังสิ่งที่ฉันพูด” ชางมินตอบเสียงเย็น

            “แล้วอย่ามาถามเหตุผล..เธอ2คนรู้จักฉันดีนะ” ชางมินตอบจบก็เดินมากระชากถุงขนมจากมือแฟนสาวไปนั่งกินทันที

            “อะไรอ่ะ.เอ๋..แล้วนี่ชางจะกินคนเดียวเลยเหรอ” กุ๋ยหันมองแทคยอน เธองงเป็นไก่ตาแตก

 แทคยอนเอียงคอมองก่อนจะไม่สนใจอะไร

           "ทำไม..ยัยอ้วนอย่างเธอยังจะกล้ากินกลางคืนอีกเหรอ" ชางมินแควะกลับ

           "ว่าไงนะยะ...เดี๋ยะเถอะ...กุ๋ยไม่กินชางก็ควรแบ่งแทคบ้างสิ" กุ๋ยๆแว๊ดเสียงลั่นบ้าน

           "นายจะกินเหรอ" ชางมันหุบยิ้มลงเค้าหันมองแทคยอนที่เอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่ม

           "ไม่ล่ะ...นายกินไปเถอะ" เพื่อนชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงเริงร่า เค้าชอบเวลาเห็นชางกุ๋ยจิกกัดกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ

           "เห็นไหมว่าแทคไม่กิน" ชางมินตอบแฟนสาวกลับ พร้อมหยิบขนมขึ้นมากินต่อ

           "ชิ...เทีเรื่องแบบนี้ดันเข้ากันเป็นปี่เป็นขู่ย" กุ๋ยสะบัดหน้าใส่ผู้ชายทั้งสองคน เธอเดินเฉิบๆเข้าห้องนอนไปทันที

            หลังจากต่างบ้านต่างถูกห้ามไม่ให้ยุ่งกัน แทคยอนดูหงอยลง นิชคุณเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เค้าแอบมองแทคยอนจากหลังผ้าม่านห้องนอนตัวเอง จุนซูออกไปทำงานตามปกติ

            “พี่แทค” ชายหนุ่มตาตี่มาตะโกนอยู่หน้าบ้านแทคยอน

            “อ๊ะ...นั่นโฮนี่” ชางมินชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่างบ้าน เค้ารีบออกไปเปิดประตูบ้านให้เจ้าเด็กแสบทันที

            “พี่แทค..คิดถึงจัง” จุนโฮโดดเด้งเมื่อเค้าเจอหน้าพี่ชายตัวเอง

            “คิดถึงเหมือนกัน..ทำไมอยู่ๆถึงมาล่ะ” แทคยอนตาวาวเมื่อเห็นหน้าน้องชาย

            “ผมมาไม่ได้เหรอ” จุนโฮทำเสียงขึ้นจมูกใส่

            “มาได้สิ..” แทคยอนกอดน้อยชายเต็มแรง

            นิชคุณรอบมองแขกผู้มาเยือนของชายเพื่อนบ้าน ดูเหมือนวันนี้น้องชายขี้หวงของแทคยอนจะมาเยี่ยม
            “ผมอยากเจอเค้า” จุนโฮพูดทันที่ทักทายพี่ชายจบ

            “ใคร” แทคยอนเลิกคิ้วสงสัย ชางมินถอนหายใจยาว เค้าไม่น่าคุยเรื่องนี้กับไอ้เด็กติดพี่เลย

            “เพื่อนบ้านของพี่” จุนโฮตาขวางใส่แทคยอน

            “วันนั้นนายก็เห็นหน้าแล้วนี่” แทคยอนเปรย

            “วันนั้นมอง...แต่ไม่ได้จ้อง..จำไม่ได้หรอก” จุนโฮตอบเสียงแข็ง

            “จำอะไรไม่ได้” แทคยอนเอียงคอสงสัยหนักขึ้น

            “เค้าไม่ลงมาหาหรอก...หมอนั่นอยู่บนนู้น..” แทคยอนชี้ไปทางหน้าต่างห้องของนิชคุณ เด็กผิวขาวเห็นปลายนิ้วของเพื่อนบ้านตัวโตชี้มาที่หน้าต่างห้องตัวเองก็ถึงกับตกใจสะดุ้งแทบตกโต๊ะ

             “ผมอยากเจอ” พูดจบ จุนโฮก็วิ่งร่าออกจากบ้านไปกดกริ่งบ้านนิชคุณทันที

            สาวใช้คนงานทรามวัยขึ้นมาเรียกเจ้านายของเธอบนห้องนอน นิชคุณลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจลงมาพบเพื่อนบ้าน เค้าคิดว่าอาไม่มีสิทธิ์ควบคุมชีวิตเค้าไปตลอด ถึงเค้าจะถูกส่งกลับบ้าน แต่เค้าก็สามารถกลับมาที่นี่อีกได้ถ้าเค้าอยากมา

             เมื่อนิชคุณลงมาข้างล่าง เค้าเห็นจุนโฮน้องชายแทคยอน และชางมิน

            “ครับ..คุณอยากเจอผมมีอะไรรึเปล่า” นิชคุณถามจากหลังประตูเหล็กดัด

            จุนโฮเพ่งพินิจใบหน้าของคนตรงหน้า เค้ามองหัวจรดเท้า จากนั้นก็พึมพำงึมงำ

            “นายอยู่ที่นิวยอร์คเมื่อ3ปีก่อนใช่รึเปล่า” จุนโฮถามตาขวาง

            “ใช่...ผมเคยไปเรียนที่นั่น” นิชคุณตอบพลางขมวดคิ้วสงสัย

            “ใช่เค้าจริงๆแหละ...” จุนโฮหันไปพยับเพยิบใส่ชางมิน

            “เฮ้อ!!...ทำไมวันนั้นผมถึงจำไม่ได้นะ” จุนโฮกล่าวโทษตัวเอง

            “คุณพูดอะไรกันอยู่ครับเนี่ย” นิชคุณย่นคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์

            “ฉันขอเตือนไว้นะคุณนิชคุณ...ถ้าอาของคุณทำอะไรพี่ชายผม..หรือถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ผมตอนที่ผมไม่อยู่ ผมจะไม่ปล่อยอาคุณไปเหมือนคราวที่แล้วแน่...” จุนโฮแยกเขี้ยวตาวาว

            “เรื่องคราวที่แล้วอะไรกันครับ” นิชคุณเริ่มประติประต่อเรื่องที่อาเค้าเตือนได้แล้ว

            “คุณโดนด้ามปืนตบ แต่พี่ผมเกือบตายเพราะอาคุณและที่เค้าไม่สมประกอบแบบนี้...และถ้าอาคุณยังไม่หยุดเรื่องชั่วๆผมนี่แหละจะเปิดโปงทุกเรื่องเอง....ปากบอกปกป้องหลานเฮอะ...ปกป้องคนของตัวเองสิไม่ว่า..คนเรานะทำได้แม้กระทั่งลบตัวตนของคนๆนึงออกไปจากโลกเพื่อที่จะทำให้ตัวเองและครอบครัวสบายใจ  ว่าแต่นายเถอะไว้ใจคนใกล้ตัวเกินไปมันไม่ดีนะ ” จุนโฮค่อนแคระใส่คนผิวขาวที่ยืนหน้าซีดอยู่หลังประตูเหล็กดัดบ้านตัวเอง

            เมื่อจุนโฮพูดจบเค้าก็สะบัดหน้าเดินจากไป ทิ้งคนผิวขาวให้ยืนลมจับอยู่หน้าบ้านตัวเอง
เรื่องที่เค้าได้ยินมาเต็ม2รูหูต้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงกันในธนาคารวันนั้นแน่ บางทีชายข้างบ้านเค้าอาจอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย

 แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการปกป้องฉันล่ะ..ลบประวัติหมายถึงอะไร’ นิชคุณยืนขาสั่นเกาะรั้วบ้าน

            นิชคุณโทรหาจุนซูทันที เค้าต้องการคำตอบจากปากพี่ชาย เพราะเค้ายังไม่พร้อมฟังความจริงจากปากอาของตัวเอง

            RRRRRRRRRRRRRRRRRRRR

            คิมจุนซูกดรับโทรศัพท์ทันทีที่เค้าเห็นเบอร์สุดประทับใจต่อสายเข้ามา

            “มีอะไรรึเปล่า” คิมจุนซูแปลกใจที่น้องชายเป็นฝ่ายโทรหา อูยองเอี๊ยะหูฟังข้างๆ

            “พี่คิม...บอกความจริงคุณมา” นิชคุณพูดเสียงสั่นระรัว

            “บอกความจริงอะไร..แล้วนายเป็นอะไร..ทำไมเสียงถึงเป็นแบบนั้นเกิดะไรขึ้น” จุนซูหน้าเปลี่ยนสีทันที

            “เกิดอะไรขึ้นที่นิวยอร์ค” คนปลายสายถามต่อ

            “ที่นิวยอร์ค...ทำไมเหรอ...นายพูดถึงเรื่องอะไร” จุนซูขมวดคิ้วสงสัยกับคำถามแปลกๆของน้องชาย

            “คุณอาทำอะไรกับเพื่อนข้างบ้านเรา” นิชคุณพูดเสียงสั่นเครือ

            “พ่อฉันทำอะไร..พูดอะไรของนายเนี่ยน้องพี่ไม่เข้าใจ” จุนซูเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล

            “นายอยู่ไหนเนี่ย...บ้านรึเปล่า...เดี๋ยวพี่จะรีบไป..นายอย่าไปไหนซะก่อนนะ” จุนซูพูดจบก็รีบเก็บของใส่กระเป๋า เค้าส่ายหัวใส่อูยอง1ทีก่อนจะก้มหน้าลงจูบกระหม่องคนรัก และรีบกลับบ้าน จางอูยองหรี่ตามองอย่างสงสัย เค้าสงสัยว่าวันนี้เค้าต้องเคลียร์งานแทนเจ้านายจนหมดวันและต้องกลับบ้านคนเดียวแหง๋มๆ

            จุนซูรีบกลับมาบ้าน เค้าพบคุณพ่อของตัวเองนั่งหน้าเครียดอยู่ในบ้าน น้องชายนั่งร้องไห้อยู่ที่มุมบ้าน

            “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...พ่อทำอะไร” จุนซูรีบวางกระเป๋าแล้วตรงปรี่ไปปลอบน้องชายตัวเอง นิชคุณสะบัดตัวหนีอ้อมกอดพี่ชายของตน

            “นายเป็นอะไรน่ะคุณ..ทำแบบนี้พี่งงนะ” จุนซูถอยตัวออกมายืนห่างๆตัวน้องชาย

            “พ่อ..นี่มันเรื่องอะไรกัน” จุนซูหันควับกลับมาหาพ่อตัวเอง

            “ฉันทำอะไรผิด...ฉันทำแบบนี้เพื่อจะไม่ทำให้เธอทุกข์ใจนะ” จินยองให้เหตุผล

            “คุณไม่ควรทำแบบนั้นเลย..คุณทำร้ายจิตใจคนในครอบครัวเค้า” นิชคุณตวาดเสียงดังลั่นบ้าน คนผิวขาวใบหน้าแดงก่ำน้ำหูน้ำตาร่วงไม่หยุด

            “พ่อทำอะไรเหรอ” จุนซูย่นคิ้วมองพ่อตัวเอง เค้าเริ่มรู้สึกแปลกๆ มีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆแล้ว

            “พ่อพี่ลบประวัติคุณแทค..ดีไม่ดี..บางที่คนที่ชื่อปาร์คแทคยอนอาจจะเป็นเพื่อนพี่เองน่ะแหละ..บางทีเค้าอาจจะชื่ออ๊ค แทคยอนก็ได้...ใช่ไหมครับ..ทำแบบนี้แล้วยังเรียกว่าทำเพราะช่วยผมไหม” นิชคุณตอกคำตอบใส่หน้าจุนซู

            “นายพูดอะไร!!” จุนซูหันกลับมามองหน้านิชคุณทันที

            “ฉันไม่สนใจหรอกว่าหมอนั่นจะใช้ชื่อเก่าว่าอะไร..” จินยองตอบเสียงเหนื่อยหน่าย

            “ไม่สนใจเนี่ยนะ...พ่อบ้ารึเปล่า...หมอนั่นอาจเป็นเพื่อนผมก็ได้...ก็หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ..พ่อเคยเจอแทคมาตั้งหลายครั้งแล้ว...พ่อจำแทคไม่ได้รึไง” จุนซูตาโตเค้าอึ้งกับคำตอบของพ่อ และเค้าเริ่มเข้าใจความรู้สึกของนิชคุณขึ้นมาทีละนิด

            “เพื่อนแกมีตั้งแยะ...ฉันไม่มานั่งจำหรอกคิม” จินยองตอบ

            “แต่เค้าเป็นคนนะพ่อ..เค้ายังมีชีวิต...ยังไม่ตาย...พ่อจะทำแบบนี้ไม่ได้” คิมจุนซูตะคอกใส่พ่อบังเกิดเกล้าอย่างเหลืออด

            “ก็ตอนนั้นฉันคิดว่าเค้าจะไม่รอดนี่...แล้วถึงจะรอดเค้าก็คงจะความจำเสื่อม..มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอถ้าเค้าไม่ต้องหวนคิดถึงอดีตแย่ๆ” จินยองตะคอกกลับบ้าง

            “คิดว่าไม่รอดเหรอ” นิชคุณทวนคำ

            “ทำไมถึงไม่ข่าวลงหนังสือพิมพ์ล่ะ..หรือว่าคุณปิดข่าวด้วย” นิชคุณถามเสียงเบา

            “อาทำเพื่อเธอนะคุณ” จินยองเปรยเสียงเบา

            “ผม.ไม่รู้แล้ว..ผมไม่อยากฟังข้อแก้ตัวจากคุณ...ผมเหนื่อย” เด็กผิวขาวพูดพลางกุมขมับ

            “...” จุนซูนิ่งเงียบเค้าเอาแต่จ้องตาพ่อของตนเองตาเป็นมัน

            “ดูแลน้องด้วย” จินยองพูดจบเค้าก็เดินออกจากบ้าน เค้าคิดผิดที่รับโทรศัพท์หลานและรีบมาหา เค้าไม่คิดว่าเพื่อนข้างบ้านจะประกาศสงครามก่อน บางทีเค้าอาจต้องจัดการเรื่องให้มันจบ

            “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ” คิมจุนซูเตะขาไปมาอย่างอารมณ์เสียง เด็กผิวขาวพาร่างตัวเองขึ้นห้องนอน เค้าช็อคกับข่าวเก่าเล่าใหม่ และไม่เหมือนเดิม เค้าสามารถเชื่อคำพูดใครได้บ้าง และที่จุนโฮบอกว่าคุณแทคยอนไม่สมประกอบหมายถึงอะไรกัน


            กรี๊ด!! ปัง!!

“อย่าขยับไม่งั้นหมอนี่ตาย” ชายในชุดดำคว้าร่างเด็กผู้ชายผิวขาวอายุราว15-16ปี มาล็อคคอไว้ ชายคนนั้นถือปืนจ่อหัวเด็กผู้ชาย

“ทำแบบนี้ทำไม...ใครจ้างนายมา...หรือพวกนายตัดสินใจจะทำเอง” นิชคุณกล่าวเสียงแข็ง หัวใจเค้าเต้นรัว

“อย่าขยับคุณ..” ชายผิวเข้มที่ถูกล็อกตัวไว้ที่หน้าประตูกล่าวขึ้น

“ชะ...ช..ช่วย...ผมที” เด็กหนุ่มตัวเล็กพูดเสียงอ่อนแรง ร่างเล็กๆของเด็กน้อยทรุดตัวลงกับพื้น
กรี๊ด!! เสียงผู้หญิงด้านข้างร้องลั่น

เฮือก!! นิชคุณสะดุ้งโหยงขึ้นมาจากฝันร้ายหลังจากเค้าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม่นาน เค้าฝันร้ายเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาอีกแล้ว เค้าเห็นหน้าคนในฝัน แต่เมื่อตื่นขึ้นมาเค้าก็จำมันไม่ได้


เด็กหนุ่มนั่งน้ำตาตกนัยต์ เค้าอยากคุยกับจุนโฮจริงๆจังๆสักครั้ง เค้าอยากรู้ความจริง อยากตื่นจากฝันร้ายที่เกาะกินหัวใจเค้า เค้าอยากคุยกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์เดียวกับเค้า ที่นั่นวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น เค้าเพียงแต่ฉงลใจว่า เค้าอาจจะรู้จักกับคนร้าย บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นอาจมีต้นเหตุมาจากตัวเค้า

เด็กผิวขาวล้วงหากล่องยานอนหลับในกระเป๋าเดินทาง เค้าคงต้องใช้มันในคืนนี้

“นายไปคุยอะไรกับนิชคุณมาโฮ” แทคยอนถามเมื่อเห็นท่าทีไม่ค่อยดีของนิชคุณทางหน้าต่างห้องนอน คนผิวขาวเดินหน้าแดงตัวแดงมาปิดผ้าม่านห้องนอน

“เปล่านี่...ผมไปทักทาย” จุนโฮตอบด้วยหน้าเฉยชาไร้อารมณ์

“หึ...อย่าให้พี่จับได้นะว่านายไปกัดเค้ามา” แทคยอนตอบเสียงดุ

“ผมไม่ใช่หมานะครับ” จุนโฮตอบกลับ

“ไม่ใช่หมาก็ดีแล้ว...ไปกินข้าวแล้วรีบกลับบ้านได้แล้วป่ะ” แทคยอนส่งแขกทันที

“โหพี่...จะไม่รั้งน้องชายให้พักบ้านตัวเองสักคืนเลยเหรอครับ” จุนโฮแฮว

“บ้านพี่เล็ก...หรือนายอยากนอนโซฟา” แทคยอนตอบพลางตบเบาะที่ตัวเองนั่งอยู่

“บ้านเล็กอะไรกันตั้ง4ห้องนอน..พี่ยกให้ผมสักห้องไม่ได้เหรอไงนะ” จุนโฮออกความเห็น เค้าแปลกใจที่2ใน4ถูกล็อคตายไว้ ชางมินก็ไม่ยอมตอบคำถามเค้า

“ถ้าห้องมันว่างพี่ก็ให้นะ” แทคยอนตอบ

“อ๊า....โหดร้ายกลับน้องนุ้งจริงๆ” จุนโฮโวยวายและอิดออดมากๆ กว่าจะยอมกลับไปนอนโรงแรมหนึ่งคืน

ก๊อก!! ก๊อง!!

เสียงเหมือนกระป๋องน้ำกระแทกกลับหน้าต่างห้องนอน นิชคุณปรืบตาขึ้นมองในความมืดมิด ยามพระอาทิตย์ไปหลายชม.แล้ว เจ้าของห้องนอนเปิดหัวเตียงก่อนจะพาร่างตัวเองไปที่หน้าต่างห้อง

“แบ่ร!!” ลิ้นหนาๆยาวๆ ท่ามกลางแสงไฟจ่อปลายคาง นิชคุณสตั๊นค้างไปหลายวิ ก่อนจะรู้ตัวว่าโดนแกล้ง

“คุณทำอะไรครับเนี่ย” นิชคุณแฮวเสียงแหบพร่า เพราะเค้าร้องไห้หนักมากตั้งแต่เที่ยงยันมืด

“ข้ามมานี่หน่อยสิ” แทคยอนกระดิกนิ้วเรียกเด็กตัวขาว

“ไม่ไหวหรอกครับ..ผมง่วง...ขอโทษนะครับไว้เราคุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม” นิชคุณตัดพ้อ เค้าเหนื่อยเกินกว่าจะไปเป็นเพื่อนเล่นของแทคยอนในยามวิกาล

“งั้นเดี๋ยวพี่ข้ามไปเอง...เปิดหน้าต่างกว้างๆให้หน่อยสิ” แทคยอนตอบพร้อมยิ้มหวานให้

เนื่องจากบ้านพวกเค้าไม่ห่างกันมากนัก หน้าต่างห้องนอนของนิชคุณแทบจะอยู่ติดกับระเบียงบ้านแทคยอน

“อย่าข้ามมาเลยครับ..ผมเหนื่อย” นิชคุณตัดพ้อรอบสอง

“งั้นเหร..อ...งั้นไม่กวนล่ะ...ไปนอนเถอะ” แทคยอนหุบยิ้มลง วันนี้เค้าอุตส่าห์รู้สึกดีที่ตัวเองเริ่มกินข้าวได้และเริ่มปวดหัวน้อยลงแล้วเชียว เค้าจะมีช่วงเวลาสดชื่นแบบนี้ไปอีกกี่วันกัน

นิชคุณรอบมองแทคยอนที่ใบหน้าเศร้าหมองลงไป เค้าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆ เพื่อนบ้านอายุมากมาโผล่ที่ระเบียงบ้าน ทั้งที่ปกติไม่เคยจะเห็นเงา

“คุณแทคครับ” เจ้าเด็กตัวน้อยตัดสินใจที่จะปีนข้ามหน้าต่างห้องตัวเองมาที่ระเบียงบ้านของเพื่อนบ้านอายุมากกว่า

“โอะ..ข้ามมานี่ทำไม...กลับไปนอนเถอะ” แทคยอนตกใจเมื่อเห็นเด็กผิวขาวมายืนหัวโด่อยู่ข้างหลังตัวเอง

“ผมข้ามมาแล้ว...คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะหลับที่นี่สักคืน” นิชคุณยิ้มแห้งๆ

“ทำไมตาแดงแบบนี้ล่ะ...แล้วดูนี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” แทคยอนยกนิ้วเรียวยาวขึ้นแตะถุงใต้ตานิชคุณเบาๆ

“ผมเหนื่อยน่ะ” นิชคุณตอบพลางซึ้ดจมูกอีกรอบ พอมีคนปลอบ เค้าก็จะร้องไห้ออกมาอีก

“น้องชายพี่ไปว่าอะไรเธอรึเปล่า” แทคยอนถามพลางยกมือขึ้นโอบใบหน้าขาวเนียนของเด็กหนุ่มหน้าสวยตรงหน้า

“เปล่าครับ...เค้าไม่ได้ว่าอะไร” คนผิวขาวเริ่มสะอื้นขึ้นมาอีก เค้ารู้สึกดีกับสัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามอของคนอายุมากกว่า

“ถ้ามีเรื่องทุกข์ใจก็ร้องไห้ออกมาเถอะนะ..น้ำตาเยี่ยวยาความรู้สึกคนเราได้ในชั่วขณะนึงนะ” แทคยอนตอบพร้อมดึงร่างเด็กผิวขาวมากอดไว้แนบตัว นิชคุณรู้สึกดีที่เค้าถูกแทคยอนกอด ส่วนแทคยอนรู้เองก็รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วกว่าปกติ เค้ารู้สึกโหยหาต่อความอบอุ่นนี้

เมื่อนิชคุณรู้สึกดีขึ้น เค้าก็หยุดร้องไห้ และทำท่าเหมือนจะหลับ

“นายจะโกรธไหมถ้าพี่จะบอกว่าเราต้องนอนกันตรงนี้” แทคยอนยิ้มแห้งๆ

“ทำไมล่ะครับ” คนผิวขาวตอบตาปรืบ

“เพราะพี่เอาใครเข้าไปนอนในห้องตัวเองไม่ได้” แทคยอนตอบพลางยกมือไหว้ขอโทษ

“พี่เป็นเจ้าของบ้านนี่ครับ” เด็กหนุ่มเกาหัวแกรกๆงงกับท่าทีของคนตัวโต

“ก็แบบ...” แทคยอนขยับประตูระเบียงออกนิดหน่อย เค้าดึงหมอนและผ้าห่มที่เตรียมไว้มาปูที่ระเบียง

“แคบไปหน่อยว่าไหม..แต่เบียดๆกันนิดนึงจะเป็นไรไหม” คนอายุมากกว่าทิ้งตัวลงนอนกับฟูกที่เตรียมไว้ เค้าตะแคงตัวจนหลังติดกระจกอีกด้านนึง

“ก็คงดีกว่า..ถ้าผมจะปีนกลับไปนอนห้องตัวเอง” นิชคุณตอบกลับ เค้าทิ้งตัวลงนอนข้างกายคนผิวเข้ม และหลับไปทั้งแบบนั้นทั้งคู่




ความคิดเห็น