เศษเสี้ยวความทรงจำแห่งรัก32


ช่องว่าง


              สิ้นเสียงคำพูดของแทคยอน บรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงัด ชายหนุ่มทั้งสองต่างคนต่างเดินกันออกจากออฟฟิตทั้งคู่ นิชคุณไม่กล้าเอ่ยคำพูดใดใด เค้าได้แต่เดินตามหลังแทคยอนออกนอกตัวบริษัทจนถึงร้านไอศครีม

            “อ๊า!! มากันสักที รอจนเหงกแล้วเนี่ย” เสียงเจื้อยแจ้วของชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยขัดเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อน โจควอนเป็นคนแรกที่เห็นแทคยอนเปิดประตูเข้ามาในร้านไอติม

            “มานั่งนี่สิ..มาเร็วพี่” จางอูยองรีบลุกจากที่นั่ง เค้าตรงปรี่ไปจับมือแทคยอนและลากรุ่นพี่ของตนมาที่โต๊ะ ข้างตัว

            “ทำไมต้องนั่งนี่!!” เสียงตาแก่ดังขึ้นขัดจังหวะอูยองเช่นกัน

            “เพราะผมตัวเล็ก ตรงนี้มีที่เยอะแยะ..อย่างี่เง่าได้ไหมตาลุงนี่นิ” จางอูยองสะบัดเสียงใส่ปู่คิมอย่างไม่ชอบใจ

            “ผมจะกลับแล้ว” แทคยอนเอ่ยขึ้นขัดบทสนทนาของทุกคน

            “ทำไมรีบกลับนักล่ะ..” ควานชานชองรีบถาม พี่หมีมองน้องหน้าน้องชายก่อนจะมองไปรอบๆด้าน เค้าเจอนิชคุณยืนถอนหายใจอยู่ข้างต้นไม้ด้านหลังโต๊ะ ใบหน้าขาวนวลเนียนแฝงไปด้วยความทุกข์ระทม

            “จะกลับไปบ้านใครล่ะ” ชานชองเอ่ยขึ้น ในขณะที่จุนโฮดึงมือชานชองไว้

            “บ้านเรา....ทำไมถามแบบนั้น...หรือผมไม่ควร” แทคยอนถามกลับ ใบหน้าน้องชายเริ่มมีสีเลือดแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย

            บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มขมุกขมัว โจควอน อูยอง มินโฮ จุนเค จุนโฮเริ่มมองหน้ากัน ก่อนจะค่อยๆทยอยกันลุกขึ้นและเดินหลบฉากไปทางห้องน้ำ

            “นายลุกมาทำไม” โจควอนจ้องหน้าแบบจะกินเลือดกินเนื้อจุนโฮ

            “แล้วพี่ลุกออกมาทำไม” หมอโฮแซะกลับ

            “แกเป็นแฟนคุณชาน..แกควรอยู่ตรงนั้นช่วยเหลือแทคสิ” โจควอนของขึ้น

            “ผมเป็นแฟน..แต่2คนนั้นเป็นพี่น้องกัน...มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า” หมอโฮตอบ

            “แล้วจะมาทะเลาะกันเองทำไมเนี่ย” ปู่คิมสอดบทสนทนาเพื่อยุติเรื่องร้าวฉาน

            “พี่ไม่ต้องยุ่งเลย..ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง...หุบปากไปเลยนะ” โจควอนแควะปู่แพนด้าอีกคน

            “เลิกทะเลาะกันซักทีเถอะน่า..คู่นั้น..คู่นี้..อะไรกันนักหนา..โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะ”จางอูยองขึ้นเสียงดังขึ้นบ้าง

            “ไอ้ลูกหมามันทำอะไรอีก” หมอโฮมองหน้าโจควอนและจุนเค ดูเหมือนจะมีเค้าคนเดียวที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

            “ควอนไปถามสิ..พี่กลัวมันกัด” ปู่คิมขยับตัวมายืนหลังน้องแก้มบวม

            “ไม่ถงไม่ถามแล้ว.เรื่องของมัน..แผนของมัน..ควอนจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว” โจควอนกระฟัดกระเฟียด



            “ลงมานั่งนี่”ชานชองจับมือน้องชายอย่างอ่อนโยน และขอให้แทคยอนลงมานั่งข้างกาย

            “.....”น้องชายขยับตัวลงนั่งข้างเก้าอี้ชานชองอย่างว่าง่าย

            “เป็นอะไร” เสียงชายผู้พี่อ่อนโยนมาก มากจนเจ้าแมวยักษ์นั่งก้มหน้านิ่ง

            “แทค..อยาก..กลับ..บ้าน” เจ้าแมวยักษ์อึกอักก่อนจะตอบคำถาม ใบหน้าเรียวตอบซบลงกับไหล่พี่ชาย 2มือของเจ้าแมวยักษ์สวมกอดเข้ากับเอวพี่ชาย

            “ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ” ความชานชองพูดเสียงเบา มือใหญ่ของพี่หมียักษ์ลูบกลุ่มผมสีเข้มของน้องชายเบาๆ

            “แทคเหนื่อย” เจ้าแมวยักษ์อยากได้คำปลอบใจ

            “อยากกลับกับชานจริงเหรอ..จะไปนอนบ้านเราจริงเหรอ..ไม่เหงาเหรอ” ควานชานชองถามเสียงเบา

            “เหงา”แทคยอนตอบจากใจจริง เค้ากลับมาเกาหลีเพราะคิดถึงนิชคุณ บ่อยครั้งที่เค้าไปสิงอยู่บ้านคนผิวขาว ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่กับเพื่อนซี้ แต่ตอนที่เค้าเจอหน้านิชคุณครั้งแรกดูเหมือนเพื่อนเค้าแปลกไป ความสัมพันธ์ของพวกเค้าแปลกไป เค้าไม่สามารถอยู่ร่วมบ้านกับนิชคุณได้อย่างสบายใจเหมือนก่อน อะไรบางอย่างมันขาดๆเกินๆ

            “แล้วทำไมถึงกลับบ้านล่ะ..ชานไม่ได้อยู่บ้านทุกวัน..แทคเข้าใจใช่ไหม” พี่หมีพยายามส่งน้องชายกลับไปอยู่กับนิชคุณเช่นกัน

            “ชานจะทิ้งแทคเหรอ” น้องชายถามเสียงสั่นเครือ

            “ชานไม่ทิ้งแทคหรอก..แต่ชานอยู่ข้างแทคตลอดเวลาเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้..แทคโตแล้ว ชานเองก็โตแล้ว เรา2คนต่างก็มีคนที่เราต้องดูแลกันแล้วนะ” ชานชองรู้สึกเหมือนเค้าเคยพูดคำๆนี้มาแล้ว แต่ชานชองก็เข้าใจว่า แทคยอนไม่มีความทรงจำส่วนนั้นเหลืออยู่เลย

            “แทคไม่รู้สึกเหมือนตัวเองมีคนรักเลย..แทคอิจฉาชาน...ทำไมคนรักของเราไม่เหมือนกัน” แทคยอนเปรยเศร้าๆ

            “เพราะแทคเพิ่งเริ่มคบกับคุณ แต่ชานกับโฮคบกันมานานแล้ว...ช่วงแรกชานก็ทะเลาะกับโฮบ่อย เรามีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันหลายเรื่อง แต่เราก็กล้าที่จะคุยกัน เราปรับตัวเข้าหากัน แทคมีอะไรอย่าเงียบไว้ ไม่พอใจอะไรก็บอกไปตรงๆ เพียงแต่อย่าประชด อย่าใช้อารมณ์ เชื่อชานสิ..ชานอยากเห็นแทคมีความสุขนะเด็กดี” ชานชองให้คำแนะนำน้องชาย

            “อืม” เด็กโข่งลุกขึ้นมองหน้าพี่ชายก่อนจะเดินออกมาที่ทางเดิน เค้าหยุดยืนมองคนผิวขาวที่ยืนก้มหน้าสำนึกผิดอยู่หลังต้นไม้

            “กลับเถอะ” เจ้าแมวยักษ์เอ่ยเสียงขึ้น แต่คนตัวขาวยังคงก้มหน้าก้มตามองปลายเท้าตัวเอง

เจ้าแมวยักษ์เดินไปหยุดหน้าคนผิวขาว

            “ปลายเท้านายมันมีอะไรดีเหรอ..มองมันอยู่นั่นแหละ” แทคยอนกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นจับข้อมือคนผิวขาวเบาๆ

            “แทค” นิชคุณเงยหน้าขึ้นมองเจ้าแมว สีหน้าคนผิวขาวดูปนะหลาดใจ

            “เดี๋ยวเราจะไปไหน” นิชคุณถามขึ้นขณะก้าวขายาวๆของเค้าตามเจ้าแมวยักษ์ให้ทัน ไม่อย่างงั้นเค้าคงโดนลากไปกับพื้น

            “.......” เจ้าแมวยักษ์ไม่ตอบอะไร เค้าแค่จับมือคนผิวขาวและออกเดิน

            เจ้าแมวยักษ์พานิชคุณมาถึงสถานนีรถไฟฟ้าใต้ดิน เค้าจัดการแลกตั๋วซื้อบัตร และยัดเจ้าผู้บริหารของเค้าเข้าไปในตัวรถ ทั้งคู่ยืนข้างกัน แต่ก็ต่างคนต่างเงียบ

            “เราจะไปไหน..พอบอกได้ไหม” นิชคุณเริ่มแย็บถามก่อน

            “......” เจ้าแมวยักษ์ยังคงตีหน้านิ่งไม่พูดไม่จา

           

            เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง แทคยอนก็คว้ามือคนผิวขาวลากออกจากรถไฟฟ้า นิชคุณหยู่ปาก ขมวดคิ้ว แต่เค้าก็ไม่กล้าขัดใจแทคยอน นิชคุณไม่ค่อยได้เห็นแทคยอนเวอร์ชั่นหงุดหงิดเท่าไหร่นัก เค้าเลยไม่กล้าทำอะไรพลีพลาม

            คนตัวโตจับมือคนตัวเล็กเดินลากไปตามท้องถนน เข้าตามซอกตามหลืบจนเจ้าคนตัวขาวงงจนหัวหมุน ระหว่างที่เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆนิชคุณเริ่มได้ยินเสียงเพลงบรรเลงดังเป็นระลอก เค้าเริ่มสังเกตุว่ารอบตัวเค้ามีคู่หนุ่มสาวเดินจับมือกันเต็มไปหมด สถานที่ ที่แทคยอนพาเจ้านายของเค้ามาคือสะพานบันโพ เจ้าแมวยักษ์จูงมือเจ้านายมาจนถึงจุดที่เห็นน้ำตกชัดที่สุด ขายาวๆของเจ้าแมวหยุดลงตรงจุดที่สามารถนั่งชมวิวได้

            “สวยจัง...บันโพเหรอ..เคยแต่ขับรถผ่าน ไม่เคยได้เห็นใกล้ๆจริงๆสักครั้ง” คนผิวขาวยืนมองแสงสีต่างๆที่ถูกสาดลงบนน้ำพุ หูของเค้าได้ยินเสียงเพลงที่เปิดประสานมาพร้อมกับสายน้ำตก ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาเอ่อออ นิชคุณเริ่มคิดว่าเค้าพลาดบางสิ่งบางอย่างไป เค้าได้แสดงความรักผิดไปจากคู่รักคู่อื่นแบบที่เค้าเข้าใจ

            เจ้าแมวตัวโตย่อตัวลงนั่งกับพื้น เค้าเหม่อมองออกไปที่สายน้ำพุที่พุ่งลงมากระทบพื้นน้ำเบื้องล่าง บอสผิวขาวย่อตัวลงนั่งข้างกายเจ้าแมวยักษ์ เค้ากล้าๆกลัวที่จะขยับตัวเข้าใกล้

            “ไม่หนาวเหรอ” เจ้าแมวยักษ์เอ่ยเสียงขึ้นเบาๆ เค้าขยับตัวเองเข้ามานั่งชิดกับร่างของนิชคุณ

            “ไม่หนาวตัวหรอก...หนาวใจ” คนผิวขาวพูดเสียงเบา นิชคุณปรายตามองท่าทีคนตัวใหญ่นิดนึงก่อนจะค่อยๆทิ้งหัวลงซบแขนเจ้าแมวยักษ์เบาๆ คนผิวขาวดึงมือเจ้าแมวยักษ์มาสอดประสานไว้กับมือของตน

            “นานๆทีมานั่งรับลมข้างนอกแบบนี้ก็ดีนะ”นิชคุณพูดขึ้น คนผิวขาวส่งยิ้มหวานให้คนข้างตัว

            “อืม..”เจ้าแมวยักษ์ยังคงนั่งนิ่ง สีหน้าเจ้าแมวเยือกเย็นไร้ความรู้สึก

            “แทครู้ได้ไงว่าวันนี้บันโพเปิดน้ำพุด้วย..คุณมากี่ทีไม่เคยได้เห็นเลย” นิชคุณเริ่มชวนเจ้าแมวคุยเรื่องอื่นบ้าง

            “........” แทคยอนนิ่งเงียบทำลายบรรยากาศคู่รัก

            “....” คนผิวขาวหุบยิ้มลง ดูเหมือนเจ้าแมวจะยังคงอารมณ์ไม่ดี

            “ว้าวดูสิ...เหมือนสายรุ้งเลย...สวยจัง...แทคดูสิ..ดีจังเหมือนได้ดูสายรุ้งยามค่ำคืนเลยเนอะ” คนผิวขาวชี้นิ้วไปทางแสงสีที่ตัดกับขอบฟ้ายามค่ำคืน

            “....” เจ้าแมวยักษ์นั่งเหม่อมองท้องฟ้าไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องความสนใจจากคนข้างกาย
ช่วงเวลาที่ทั้งคู่จะได้ชมน้ำตกหมดลงอย่างรวดเร็วตามตารางการโชว์ของสะพานสายรุ้งที่จะเปิดน้ำพุแค่ครั้งละ15นาที นิชคุณเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง

           “อยากดื่มเบียร์จัง” เสียงหวานของคู่รักด้านข้างเอ่ยขึ้น

นิชคุณเงยหน้ามองหน้าเจ้าแมวยักษ์ชั่วครู่

“แทค...สั่งไก่ทอดกับเบียร์ไปกินที่บ้านกันเถอะ” นิชคุณออกปากชวนเจ้าแมวยักษ์เมื่อเค้าเริ่มจะรู้สึกว่าหิวตะหงิดๆ

“อืม” เจ้าแมวยักษ์รับคำ และลุกขึ้นยืนเต็มความสูง นิชคุณกลัวใจของแทคยอน เค้าไม่รู้ว่าเจ้าแมวยักษ์คิดอะไรอยู่ ถึงคนตัวโตจะพาเค้ามาเดทสั้นๆหลังทะเลาะกัน แต่ดูเหมือนคนตัวโตยังคงปิดใจ 

คนผิวขาวจัดการเรื่องอาหารการกิน และเรียกรถรับส่งจากหน้าสวนสาธารณะเพื่อกลับบ้าน มันต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ แต่เค้าก็คิดว่าดีกว่าต้องขึ้นรถไฟใต้ดินกลับ  ระหว่างทางเจ้าแมวนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถโดยไม่ตอบสนองต่อคำถามอะไรสักอย่าง  นิชคุณคิดว่ามันเกิดช่องว่างระหว่างพวกเค้าอีกแล้ว

เมื่อกลับถึงบ้านนิชคุณ แทคยอนก็ตรงปรี่ไปอาบน้ำ และออกมานอนที่โซฟานอกห้องทันที คนผิวขาวได้แต่นั่งมองเจ้าแมวยักษ์ทำธุระส่วนตัวและออกจากห้องนอนไป คนผิวขาวนั่งกินไก่ทอดกับเบียร์คนเดียวในความมืด น้ำตาหยดใสๆไหลเอ่อออเคลือบดวงตา นิชคุณปล่อยให้เจ้าหยดน้ำไหลออกมาเรื่อยเปรอะเปื้อนแก้มของเค้า

***ไรท์โคตรฮาเลยค่ะ ไรท์นับเดือนผิด ไรท์ลืมไปว่า6เดือนหลังเดือนตุลาคมต้องเป็นช่วงเกือบกลางปี แต่ไรท์ยังเขียนบทละครอยู่บนเดือนตุลาคมค่ะ แล้วไรท์ก็เพิ่งนึกได้ก่อนโพสว่า เฮ้ย!!ไม่ใช่ล่ะ แต่โชคดีค่ะที่ช่วงเดือนเมษาสะพานบันโพยังเปิดน้ำพุให้ชมอยู่เพราะจัดเป็นช่วงอากาศหนาว ไรท์เครียดอยู่พักนึงเลย บทนี้เลยสั้นมากเพราะมัวแต่คิดว่าแล้วช่วงเมษามีอะไรเที่ยวนะ พอดีต้องไปธุระนอกบ้าน ไม่มีเน็ต  ไรท์กำลังแต่งวันละบท2บทค่ะ รีดเลือดกันทีเดียว



           


           

ความคิดเห็น