ตัวปัญหา
“พี่ครับ” เด็กหนุ่มขยับตัวขึ้นนั่งบนเตียงนอนขนาดคิงซ์ไซส์เพราะเจ้าของเตียงนอนนั้นตัวสูงปาไป185แล้ว แต่เจ้าเด็กหนุ่มก็ไม่น้อยหน้าความสูงก็เรี่ยๆกัน จะต่างกันก็แค่มวลกล้ามเนื้อและไขมันเท่านั้น
“นอนเถอะ” แทคยอนตอบพลางกระดิกนิ้วเรียกให้เด็กตัวขาวทิ้งตัวลงนอนข้างกายเค้า
นิชคุณทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม เค้าหันหน้าเข้าหาพี่ชายข้างบ้าน พลางทำหน้าเศร้า
“ถ้าผมย้ายมาอยู่กับพี่ตลอด3เดือนเลยได้ไหม” เด็กหนุ่มถามคำถามที่เค้าได้ไตร่ตรองมาขณะที่เค้ากลับไปอาบน้ำที่บ้าน
“เธอจะอยู่ที่นี่กี่วันก็ได้..แต่พี่ไม่คิดว่าครอบครัวเธอจะยอมนะ...เราอยู่กันแค่นี้..ใช่ว่าเค้าจะไม่ให้เธอออกมาเจอพี่สักหน่อย” แทคยอนตอบพลางมองลึกเข้าไปดวงตากลมโตที่ฉายแววหวั่นวิตก
“เธอมีปัญหาอะไรรึเปล่า” แทคยอนถามกลับ
“ไม่ครับ” เด็กหนุ่มรีบส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน
“พี่จะไม่ถาม...ถ้าเธอยังไม่พร้อมจะพูด...นอนเถอะ...ถ้าเธอไม่นอน...พี่จะทำให้เธอนอนนะ” พี่ชายข้างบ้านพูดกำกวมพร้อมฉีกยิ้มกระล่อน
“ทะลึ่งจังพี่นี่” เด็กหนุ่มรีบตีแขนผู้ชายที่นอนข้างกายอย่างแรงด้วยความเขิน
“โอ๊ย..เจ็บนะ..เดี๋ยวโดนหรอก” คนตัวใหญ่ทำตาวาววับ
“รู้อะไรไหม...ที่นี่ทุกที่..มีกล้องนะ..เราทำอะไรแบบนั้นกันไม่ได้หรอก..” คนอายุมากกว่าเสริมทับ
“กล้อง..ทำไมต้องมีล่ะ” เด็กหนุ่มฉงลใจ
“กันฉันตายไง...ถ้าฉันตาย..สองคนนั้นก็จะไม่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีมีคนตายในบ้าน” แทคยอนตอบพลางยิ้มหวานให้เด็กชายที่นอนตาโตข้างๆ
“พี่ไม่ตายง่ายๆหรอก..”นิชคุณตอบพลางกระแซะหัวเข้าใต้คางคนอายุมากกว่า
“แต่ห้องน้ำไม่มีกล้องนะ...ลองดูได้” คนตัวโตก้มหน้าลงจนปลายจมูกโด่งเป็นสันฝังตัวลงกับกลุ่มผมสีอ่อน
“ชี้โพรงให้กระรอกไม่ดีนะครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้มกรุ่มกริ่ง
“แล้วกระรอกอยากทำอะไรรึเปล่าล่ะ” แทคยอนถามกลับ มือใหญ่หนาของคนตัวตัวยกขึ้นโอบกระชับเอวขอวของเด็กร่างเล็กไว้
“ใจร้อนจังนะครับพี่”นิชคุณตอบพลางใช้นิ้วจิ้มหน้าอกแทคยอนเขินๆ
“ก็พี่เป็นผู้ชายนี่..เวลามีคนสวยๆเนื้อตัวนุ่มนิ่มมาให้กอด...มันก็เป็นเรื่องธรรมดานะ” แทคยอนตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ
“แสดงว่าถ้าเป็นคนอื่นพี่ก็อยากจะทำเหมือนกันเหรอ” เด็กหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นมานั่งตาขวาง คิ้วนิชคุณย่นจนติดกัน
“ถามกุ๋ยสิว่าพี่เคยกอดใครที่เสนอตัวให้ไหม” แทคยอนตอบกลับ มือใหญ่คว้าจับมือขาวเล็กๆไว้
“ทำไมต้องถามพี่เค้าล่ะ...”นิชคุณเลิกคิ้วหรี่ตามองแทคยอนอย่างไม่ไว้ใจ
“ไว้ถามแล้วก็รู้เองแหละ..ลงมานอนเถอะ..พี่ง่วงแล้วนะ” ชายหนุ่มตัวโตขยับตัวลุกขึ้นมาคว้าร่างเด็กตัวเล็กไว้และกดลงบนเตียงนอน
“คืนนี้กระรอกสีขาวจะรอดพ้นจากกรงเล็บหมาป่านะครับ..เพราะพี่เหนื่อยแล้ว” แทคยอนพูดพลางกอดร่างนิชคุณไว้ เค้าหลับตาลงและหลับเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เอาจริงน่ะ...นี่หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ...ตะกี้นี้ยังจ้อไม่หยุดอยู่เลย” เด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงเช่นกัน
RRRRRRRRR
“อยู่ไหน!!” เสียงปลายสายแว๊ดลั่น
“บ้าน” เด็กหนุ่มควานหาโทรศัพท์ตัวเองใต้หมอน นิชคุณรับโทรศัพท์แบบไม่ตั้งใจจะรับเท่าไหร่
“อย่ามาโกหกนะ...นายอยู่ไหน” เสียงมินจุนเคพี่ชายของนิชคุณแว๊ดดังรอบ2
“จะโกหกทำไม...ก็บอกว่าอยู่บ้าน” นิชคุณตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงียปนหงุดหงิด เค้าก้มลงดูเวลาบนหน้าจอมือถือ 6โมงเช้า
‘เพิ่งจะ6โมงเองนะ’คนผิวขาวคิดอย่างไม่ชอบใจ นี่เป็นวันหยุดของเค้า เค้าจะตื่นกี่โมงก็ได้
“อยู่บ้านเหรอ..แล้วอยู่ส่วนไหนของบ้านกัน” จุนเคแฮว
“ห้องนอน” เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าตอบ
“ห้องนอนใครเหรอ...ฉันก็ยืนอยู่ในห้องนอนนายเนี่ยแหละ” มินจุนเคแค่นจะหัวเราะ เจ้าเด็กน้อยของบ้านเกิดอาการต่อต้านอะไรอีกแล้ว
“ห้องนอน..ใครเหรอ...ถามอะไรแปลกๆ” นิชคุณพูดพลางปลายตามองไปรอบๆบ้าน
‘จริงด้วยแฮะ...ที่นี่บ้านใครน่ะ’ เด็กหนุ่มนั่งเหม่ออยู่ชั่วครูก่อนจะเอะใจว่าเค้าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว มีใครอีกคนนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนโตด้วย
“อ๋า....นายอยู่ไหนเนี่ย...” มินจุนเคแฮวขัดความคิดน้องชาย
“ยะ...อยู่..พี่คิมมีอะไร” เด็กหนุ่มนึกขึ้นมาได้ว่าเค้านอนอยู่บ้านเพื่อนบ้าน
“พี่น่ะไม่มีหรอก...แต่เดี๋ยวมินจีกับน้าเทฮีจะมา...คนจะมีน่ะ2คนนั้น..รีบกลับมาบ้านซะ..พี่ไม่อยากนั่งฟัง2คนนะบ่นนะ” มินจุนเครีบบอกเหตุผลกับน้องชาย
“เธอมาเหรอ...บ้าชิบพี่ก็รู้ผมไม่อยากเจอเธอ” เด็กหนุ่มพลั้งปากพูดออกไป
“ผมไม่กลับไปหรอก..ผมตัดสินใจแล้ว..ผมจะอยู่ที่นี่3เดือนแล้วหลังจากนั้น..ผมจะตัดสินทีหลังว่าผมจะกลับบ้านหรือจะอยู่ต่อ...ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ...ถ้าโทรมาอีกผมจะเปลี่ยนเบอร์” นิชคุณตัดพ้อพี่ชายทันทีที่รู้ว่าเทฮีน้าสาวของเค้ามาบ้าน
“เดี๋ยวคุณ!!...เดี๋ยวอย่าทำแบบนี้...อย่าลอยแพกันแบบนี้สิ” จุนเคโหยหวนผ่านทรศัพท์ แต่ไม่มใครได้ยินนอกจากตัวเค้า เจ้าเด็กปลายสายชิงวางสายไปก่อนแล้ว
“คุณ!!...คุณ...แง้...” มินจุนเคแหกปากลั่นห้องน้องชาย
เด็กหนุ่มผิวขาวหันมองร่างคนภายใต้ผ้าห่มอย่างครุ่นคิด เรื่องที่น้าเทฮีเคยพูดไว้เมื่อตอนเค้ายังเด็ก เทฮีจริงจังกับมันแค่ไหน ถ้าเค้ากลับบ้านไปตอนนี้ แล้วถ้าเกิดน้าเทฮีทำแบบที่ตั้งใจไว้ เค้าจะต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีกไหม
“ทำไงดี..คิดสิ..คิด” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
“ทำไงดีคืออะไร” แทคยอนโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม ชายบนเตียงตาปรืบหนี หน้าตาแตกต่างจากชายหนุ่มคนเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง
“ป่ะเปล่าครับ...ผมทำพี่ตื่นรึเปล่า” เด็กผิวขาวสะดุ้งเฮือกเมื่อแทคยอนเปรยเสียงขัดความคิดเค้า
“ถ้าลำบากใจที่จะกลับบ้าน...จะอยู่ที่นี่พี่ก็ไม่ว่าหรอกนะ...แต่เธอควรบอกใครในบ้านไว้...อย่างน้อยก็ควรจะบอกพี่ชายเธอสักนิดว่าเค้าจะตามเธอได้ที่ไหน..การที่มีบ้านให้กลับ..และมีคนที่บ้านเป็นห่วงมันดีกว่าไม่มีเลยนะ” แทคยอนพูดพร้อมลุกขึ้นบิดขี้เกียจจนสุดตัว
“พี่ได้ยินเหรอครับ” เด็กหนุ่มตาเบิกโพลง
“ก็เธอนั่งพูดอยู่ตรงนี้..พี่ก็ต้องได้ยินสิ..” แทคยอนตอบ เค้าขยับตัวลุกขึ้นมานั่งพลางบีบและคลายมือข้างขวา แทคยอนใช้มือซ้ายบีดมือข้างขวาไปมา จากนั้นก็ละมือซ้ายต่ำลงมาถึงปลายเท้าด้านขวาของตัวเอง
“พี่ทำอะไรน่ะครับ” นิชคุณเลิกคิ้วมองแทคยอนอย่างสงสัย
“มันขยับไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่น่ะ...แต่ถ้าได้กายภาพทุกวัน..มันก็โอเคนะ” แทคยอนตอบ เค้าฉีกยิ้มหวานให้นิชคุณ
“ผลมาจากอุบัติเหตุครั้งนั้นหรือครับ” นิชคุณถามเศร้าๆ
“อืม..” ชายผิวเข้มตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เธอจะนอนต่อก็ได้นะ...เดี๋ยวพี่ต้องไปเอายา” แทคยอนพูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ผมไปด้วยได้ไหม” เด็กหนุ่มร้องถาม เค้ารีบขยับตัวลุกตาม
“....พี่แนะนำให้เธอนอนต่อนะ” แทคยอนตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมานิดหน่อย
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำอย่างว่าง่าย
ชายอายุมากกว่าค่อยๆก้าวขาออกจากห้องไปช้าๆ นิชคุณคิดว่าเค้าเห็นแทคยอนเดินแปลกๆ เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อคิดถึงคำพูดของจุนโฮ
‘อาของเค้าทำอะไร ความหมายที่บอกว่าทำเพื่อช่วยคนของตัวเองหมายถึงอะไร คนใกล้ตัวของเค้าใครกันที่ไว้ใจไม่ได้’ เด็กน้อยได้แต่นั่งรอผลการสืบของนักสืบที่เค้าจ้างไปขุดเรื่องในอดีต
“มันไม่ใช่แค่ปัญหาของผู้ใหญ่หรอกครับ...แต่นี่มันเป็นปัญหาของผมด้วยเหมือนกัน” นิชคุณพูดกับตัวเอง
เมื่อเข็มนาฬิกาขยับมาที่เลข10 แขกผู้มาเยือนก็เสด็จเข้ามาในบ้านของคิมมินจุน เจ้าของบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นประตูบ้านเปิดต้อนรับแขกที่เค้าไม่อยากเจอ
คิมเทฮีและลูกสาววัย23ปีของเธอ เทฮีเป็นน้องสาวของพ่อเค้า เธอหวงสมบัติของตัวเองมากพอๆกับอยากได้นิชคุณมาเป็นลูกเขย ที่น้องชายไม่แท้ของเค้าหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่นิวยอร์คก็เพราะไม่อยากตกล่องป่องชิ้นกับมินจี ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดี แต่นิสัยแม่สาว2คนนี้น่ารำคาญสุดๆ จุนเคดีใจที่เค้าเป็นลูกหลานแท้ๆของเทฮี ไม่งั้นเค้าคงต้องแต่งงานแทนนิชคุณแน่
“คุณล่ะ” คำพูดแรกที่จุนเคได้ยินคำแรกคือคำเรียกชื่อน้องชายของเค้า
‘ยัยป้านี่ไม่คิดจะทักทายเจ้าของบ้านเลยแฮะ..ไร้มารยาทจริง’จุนเคแควะป้าของเค้าในใจ
“ไม่อยู่ครับ” จุนเคตอบแบบขอไปที
“แล้วไปอยู่ไหนล่ะคะพี่” เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นด้านหลังคิมมินจุนเค
‘โอ๊ย!!..ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย’ มินจุนปรายตามองมินจีอย่างเอือมระอา เค้ายกมือขยี้หัวตัวเอง
“ไม่รู้...อยากรู้ก็ไปถามมันสิ...”มินจุแฮวตอบเสียงสูงบ้าง
“ทำไมแกไม่รู้แกอยู่บ้านเดียวกับน้องนะ...น้องหายไปทั้งคนแกจะไม่รู้ได้ยังไง” หญิงสาวสูงวัยแหว๊ดกลับเสียงดังบ้าง
“โอ๊ย!!...อาครับ..ผมอยู่บ้านเดียวกันก็จริง..แต่ผมก็มีงานของผมนะครับ...ผมไม่ได้ว่างอยู่เฝ้าไอ้คุณมันนะครับ” จุนเคลากเสียงยาวไม่พออกพอใจต่อตัวแขกที่มาเยือนวันนี้
“เอามือถือเธอมา” เทฮียื่นมือมาหามินจุนเคหลานของเธอ
“อาใช้เบอร์ผมโทรไปมันก็ไม่รับหรอกครับ...ทำไมคุณอาไม่ตัดใจจากไอคุณสักที...เธอด้วยเลิกงี่เง่ากับไอ้คุณได้แล้ว” มินจุนแฮวใส่อาสาวและลูกของเธอ
“ฉันจะทำอะไรมันเรื่องของฉัน..ถ้าใช้เบอร์เธอโทรไปไม่ได้..ก็เอาเบอร์คุณมา..เดี๋ยวฉันโทรเอง...แกนี่นะ..ใช้งานอะไรไม่ได้สักอย่าง” เทฮีกล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด
“เบอร์ล่ะ” มินจีเด็กสาวอายุน้อยกว่ากล่าวย้ำกับมินจุนลูกพี่ลูกน้องของเธอ
“มันเพิ่งเปลี่ยนเบอร์น่ะ...ยังไม่ได้เมมจำไม่ได้ด้วย” มินจุนญาติผู้พี่ปฎิเสธที่จะให้เบอร์น้องชาย
“อย่ามาตลก..เอามือถือของพี่มาเลยนะ” มินจีแฮว พร้อมขยับตัวและมืออย่างว่องไวเพื่อรื้อค้นมือถือในกระเป๋ากางเกงของมินจุน
“โว้ย!!..หยุดเลยนะ...เธอทำบ้าอะไร..เป็นผู้หญิงรึเปล่าเนี่ย” มินจุนกระโดดโหยงสะบัดตัวหนีจากมือเล็กๆของญาติตัวเอง
“ฉันเป็นผู้หญิง..แต่ฉันไม่เห็นว่าพี่เป็นผู้ชายนะ..ไม่มีผู้ชายที่ไหนเค้าเอากับผู้ชายหรอก” มินจีแควะเสียงดัง
“เกินไปแล้วนะ!!” มินจุตวาดเสียงดังลั่นบ้าน
“เอามือถือมา” มินจีแว๊ดเสียงดังกลับ เธอไม่สนใจว่าท่าทีของมินจุนญาติผู้พี่
เด็กสาวกระโดดกอดเอวญาติผู้พี่อีกครั้ง ถือล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงของมินจุนและดึงเอามือถือของมินจุนไป
“นี่ค่ะแม่” มินจีรีบส่งมือถือของญาติผู้พี่ให้เทฮีแม่ของเธอ
“ยัยเด็กไร้มารยาท...ใครกันที่สอนให้เธอมีมารยาทแบบนี้” มินจุนแควะเสียงลอดฟันอย่างโมโหโทโส เค้าอยากจะตีเธอ แต่การที่เธอเกิดมาเป็นผู้หญิงทำให้เค้าไม่กล้าทำอะไรเธอ
“ไหนแกบอกว่าแกไม่รู้เบอร์คุณไง...แกโทรคุณเมื่อเช้านี้นี่” เทฮีกล่าวด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกพร้อมเบะหน้าสวยๆของเธอใส่หลานชาย
“เอาเถอะ..อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย.....ใช้มือถือเสร็จเมื่อไหร่ก็วางไว้บนโต๊ะนะครับ แล้วก็ขออีกอย่าง อันนี้ผมจริงจังมาก ขอล่ะอย่าทำบ้านพังนะครับ” มินจุนเคตอบอย่างเสียไม่ได้ ต่อกรไปก็มีแต่จะทำให้เค้าหงุดหงิดเปล่าๆ
มินจุนเคพูดจบก็คว้ากุญแจรถออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัวเอง เค้าคิดว่าการไปข้างนอกหน้าจะดีกว่าอยู่ปวดหัวที่บ้าน
RRRRRRRRRRRRR
“คุณ...เสียงโทรศัพท์เธอดังน่ะ” ชางมินเรียกนิชคุณพลางพยับเผยิบไปทางเจ้าโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำบนโต๊ะรับแขก
“ครับ” นิชคุณตอบรับคำพูดชางมินทันที เค้าหันมองมือถือแล้วก็ถอนหายใจยาวจนชางมินแปลกใจ
เด็กผิวขาวเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมามองหน้าจอก่อนจะตัดสินใจปิดเครื่อง เด็กหนุ่มผิวขาวถอดหน้ากากมือถือออก เค้าดึงซิมมือถือออกมาและหักมันทิ้งต่อหน้าชางมิน เมื่อเค้าจัดการกับสิ่งที่กวนใจเค้าแล้ว นิชคุณก็ประกอบหน้ากากมือถือกลับเข้าที่เดิม คิ้วหนาของนิชคุณขมวดเข้าหากัน เค้าวางมือถือลงกับโต๊ะรับแขกและเดินกลับมานั่งวาดรูปที่พื้นบ้านเหมือนเดิม
“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ” ชางมินเอ่ยถาม
“นี่ยังน้อยนะครับ...ถ้าเป็นผมตอนที่ยังมีอิสระกว่านี้...ผมจะไม่ทำแค่หักซิมทิ้งหรอกครับ” นิชคุณตอบเสียงเครียด
“เล่าได้ไหม” ชางมินหยั่งเชิงถาม
“แลกกันไหมครับ...ผมจะเล่าเรื่องของผม..ส่วนพี่..เล่าเรื่องที่พี่รู้” นิชคุณตอบกลับอย่างมีชั้นเชิง เค้าหงุดหงิดและรำคาญกับไอ้เรื่องบ้าๆรอบตัวจะแย่แล้ว
“งั้นไม่ต้องเล่าหรอก..ไม่อยากรู้แล้ว” ชางมินโบกมือไปมา พี่ชายคนนี้ไม่หลงคารมเด็หหนุ่มผิวขาวง่ายๆ
“แต่ผมอยากรู้...ถ้าคุณไม่อยากให้ผมรู้..คุณจะมาพูดกับผมทำไมตั้งแต่ทีแรก” นิชคุณแว๊ดเสียงสูง เด็กหนุ่มผิวขาวนั่งน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันไม่เคยอยากพูดอะไรให้เธอฟัง...คนที่พูดน่ะไอ้เด็กแสบนั่นตะหาก” ชางมินแฮวบ้าง
“มันไม่ยุติธรรม..พี่ดูเหมือนอยากรู้เรื่องของผม..แต่พี่ไม่อยากให้ผมรู้เรื่องของพี่” นิชคุณพูดเสียงเย็น นิชคุณหรี่ตาลงด้วยความไม่ชอบใจ
“งั้นเธอเล่าก่อน...แล้วฉันจะเล่าเรื่องที่ฉันรู้ให้เธอฟัง” ชางมินยื่นหมูยื่นแมว ถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น